ถึงเวลาแล้ว! ที่ต้องบังคับให้อุตสาหกรรมฟอสซิลยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซ ต้องจ่ายในสิ่งที่พวกเขาก่อ ออกกฎหมายเก็บภาษีหรือปรับบริษัทเหล่านี้ เพื่อช่วยเยียวยาและฟื้นฟูชุมชนทั้งในประเทศและทั่วโลกจากวิกฤตโลกเดือด และลงทุนในทางออกด้านสภาพภูมิอากาศ
ทวงคืนจากผู้ก่อมลพิษ!
ภัยพิบัติจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศกำลังสร้างความสั่นคลอนสิทธิในการมีชีวิตและการอยู่รอดของพวกเราอย่างรุนแรง แต่อุตสาหกรรมฟอสซิลยักษ์ใหญ่ ยังคงโกยกำไร มหาศาล ขณะที่ประชาชนธรรมดาต้องเป็นผู้จ่ายค่าความสูญเสียและเสียหายเองเราต้องรวมพลังกัน เรียกร้องความรับผิดชอบ และบังคับให้พวกเขาจ่ายคืนอย่างเป็นธรรม ต่อสิ่งที่พวกเขาก่อไว้
ใครกันแน่ที่ต้องจ่ายค่าความเสียหายจากภัยพิบัติ?
ถ้าทำแก้วใครหก คุณต้องซื้อคืนให้เขา
ถ้าทำหน้าต่างใครแตก คุณต้องจ่ายค่าซ่อม
แต่ทุกครั้งที่ไฟป่าลามหมู่บ้าน ทุกครั้งที่น้ำท่วมบ้านเรือน ทุกครั้งที่คลื่นความร้อนดันค่าไฟแพงและค่ารักษาพยาบาลพุ่งขึ้น คนที่ต้องจ่ายกลับเป็นพวกเรา
แล้วอุตสาหกรรมฟอสซิลยักษ์ใหญ่ที่ทำให้เกิดภัยพิบัติพวกนี้ล่ะ? พวกเขากลับ ไม่ต้องจ่ายอะไรเลยหรอ?
ตลอดหลายทศวรรษ บริษัทเหล่านี้กวาดกำไรเป็นล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่กำไรของพวกเขา เท่ากับ ภัยพิบัติของพวกเรา ทั้งไฟป่า น้ำท่วม และคลื่นความร้อน พวกเขาปัดความรับผิดชอบ ปกปิดความจริง โกหกสังคม มาตั้งแต่ยุค 1950s
ถึงเวลาเรียกร้องความเป็นธรรมด้านสภาพภูมิอากาศแล้ว
✍️ ลงชื่อสนับสนุน Polluters Pay Pact ตอนนี้เลย!
ถึงเวลาที่ภาคธุรกิจต้องออกมารับผิดชอบต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมฟอสซิลยักษ์ใหญ่ ที่เป็นต้นเหตุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 70% ของโลก ต้องถูกบังคับใช้กฏหมายให้รับผิดชอบต่อผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากกิจกรรมของบริษัท
คืนสิทธิ ‘การเข้าถึงสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ’ ไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อประกันสิทธิของประชาชนที่จะมีชีวิตอย่างปลอดภัยท่ามกลางวิกฤตสภาพภูิมอากาศที่รุนแรง
ปกป้องสิทธิในการมีชีวิตรอดอย่างปลอดภัยของประชาชน สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือในช่วงภัยพิบัติ เช่น หน่วยกู้ภัยและบริการฉุกเฉินที่ทันท่วงทีและคำนึงถึงทุกคนอย่างเท่าเทียมโดยไม่เลือกปฏิบัติ
คุ้มครองผู้เปราะบางให้เข้าถึงสิทธิในการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยคำนึงถึงอัตลักษณ์ทับซ้อนของบุคคลผ่านการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน บ้าน ถนน รถไฟ สาธารณูปโภค ให้ทนต่อสภาพอากาศสุดขั้ว
ประกันสิทธิของประชาชนต้องสามารถเข้าถึงความยุติธรรมและได้รับการเยียวยาผ่านการสร้างหลักประกันทางการเงิน มีงบเยียวยาและฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ ไม่ปล่อยให้ประชาชนต้องจ่ายเอง
คืนความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ ต่อชุมชน และปัจเจกบุคคลที่มีส่วนก่อให้เกิดวิกฤตสภาพภูมิอากาศน้อยที่สุด แต่กลับเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้อย่างรุนแรงที่สุด ดังนั้น การเปลี่ยนผ่านจะต้องมีมาตรการชดเชยและสนับสนุนกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรม ผ่านกลไกที่บังคับให้ผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้จ่าย